เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
อ.เมืองจันทร์, จ.ศรีสะเกษ 33120, Thailand
รับรองโดย อ.mujjalin //mailto:gorn001@gmail.com

วันพุธที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ที่สุดของพระรูปหล่อแห่งยุค

รูปหล่อพิมพ์นิยมใหญ่ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร

       ถ้าพูดถึงเบญจภาคีรูปหล่อที่เป็นที่สุดแห่งยุคนี้ และจะไปถึงอนาคตนั้นคงไม่พ้นรูปหล่อหลวงพ่อเงินวัดบางคลานเป็นแน่ เพราะองค์ท่านมีปาฏิหาริย์มากมาย ท่านเคยเรียนวิชากับสมเด้จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) พระเถราจารย์แห่งวัดระฆังโฆสิตารามที่สร้างพระสมเด็จรูปขนมเปียกปูนอันเลื่องลือ จนราคาพระแพงมากแม้กระนั้นก็ยังมีคนใฝ่ฝันหา ในส่วนหลวงพ่อเงินนั้นก็เช่นกัน เป็นรูปหล่อโลหะที่ทุกคนต่างถามถึง นอกจากจะมีพระพุทธคุณมหาอุด จนเป็นที่กล่าวขานแล้ว เรื่องคงกระพันชาตรี เตือนเภทภัย กำบังกาย ป้องกันเสนียดจัญไร คุณไสยมนต์ดำนั้น ก็เป็นที่ประจักษ์เป็นอย่างมาก โดยรวมแล้วพระของท่านเป็นพระที่พระพุทธคุณสูงส่งครอบจักรวาลเลยทีเดียว หากท่านได้มีไว้บูชาแล้ว ความเจริญรุ่งเรืองย่อมบังเกิดมีแก่ท่านอย่างมิต้องสงสัย ในตอนนี้จะกล่าวถึงการนำองค์พระของท่านเบูชาเพื่อให้เกิดผลทางอิทธิฤทธิ์อย่างเต็มที่ถึงที่สุด ในพระเครื่องหลายๆอย่าง หลายๆประเภท มีทั้งรูปแบบที่เป็นพระปฏิมากรรมนูนสูง นูนต่ำ แบบครึ่งองค์ แบบเต็มองค์ หรือเต็มตัว ซึ่งเราอาจสงสัยว่าแบบไหนจะมีพระพุทธคุณเป็นอย่างไร วันนี้เรามาทำความเข้าใจร่วมกันและศึกษาไปพร้อมกันเลยครับ ... ในการเนรมิตรูปนามขึ้นมาสักอย่างเช่น หุ่นพยนต์ มนุษย์หุ่นฟาง ควายธนู หรือ แม้กระทั่งองค์พระรูปเหมือนต่างๆเป็นตัวตนขึ้นมา ที่เรียกว่า องค์ญาณ นั้นจะมีอาการ 32 ประการในร่างกายทั้งหมด คือ ตั้งแต่ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เอ็น กระดูก ฯ ทำให้องค์ญาณนั้นเคลื่อนไหวได้เสมือนมีชีวิตในโลกทิพย์ หรือโลกวิญญาณ สามารถมีฤทธิ์มีอำนาจปกป้องอันตรายเราได้จากภูติผีวิญญาณรา้ย อสูรกาย ซึ่งเป็นต้นเหตุของภัยอันตรายต่างๆแม้จากวิบากกรรม เล็กกรรมน้อย ที่สามารถบรรเทาได้ หรือจากคุณไสยฯ ซึ่งก็ต้องใช้ผี วิญญาณร้ายไปทำงานให้  เพราะฉะนั้นพระที่สร้างจากพระผู้ทรงอภิญญาจึงมีอิทธิฤทธิ์มากมายในการปกปักษ์รักษาคุ้มครองป้องกันภัยภยันอันตรายต่างๆได้และไม่เสื่อมถอยได้โดยง่ายแม้จะตกลงไปที่ต่ำ อโคจรก็ตาม ถ้าเรายังเคารพศรัทธาท่านอยู่ เพราะญาณที่ทรงอิทธิคุณจากกำลังฌานที่ 4 จนถึง ฌานอันดับสูงๆนั้นสามารถอธิษฐานให้เกิดฤทธิ์ได้อย่างไม่กำหนดเวลาได้ เพราะเป็นจิตที่ทรงอยู่เหนือกาลเหนือเวลา
  • เมื่อได้พระมาแล้วควรที่จะหาดอกไม้ธูปเทียน ขัน 5 มาบูชา( ดอกไม่ 5 คู่ เทียน 5 คู่ ธูป 5 คู่) ดอกไม้ควรเป็นสีขาว แล้วนำไปบูชาที่องค์รูปหล่อของท่าน จากนั้นจุดเทียน 1 คู่ ธูป 9 ดอก บอกกล่าว ว่าพระคาถา " ขอขมาโทษ (ตั้ง นะโม 3 จบ) ***รัตตนัตตเย สัมมาสัมพุทธเธ ปัจเจกพุทเธ อริยสัจจธัมเม  อริยสังเฆ มหาเถเร มหาเถรี อุปัชฌาเย อาจะริเย ประมาเทนะ  ทวารัตตเยนะกะตัง สัพพังอะปะราถัง ขะมะถะเม ภันเต *** (ต่อด้วย) อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดช เดชะ เดชัง จงมาเป็นที่พึ่งแก่ มะอะอุ นี้ด้วยเทอญ***อะกะ อะธิ อะธิ อะกะ ธิอะ กะอะ วันทามิ อาจาริยัญจะ หิรัญญะ นามะกัง ถิรัง สิทธิ ทันตัง มหาเตชัง อิทธิ มันตัง วะสาทะรัง ( สิทธิ พุทธัง กิจจัง มะมะ ผู้คนไหลมา นะชาลี ติ สิทธิ ธัมมัง จิตตัง มะมะ ข้าวของไหลมา นะชาลี ติ สิทธิ สังฆัง จิตตัง มะมะ เงินทองไหลมา นะชาลี ติ ฉิมพลี จะ มหาลาภัง ภะวันตุ เม ) (ในวงเล็บสามารถสวดเพิ่มเติมต่อท้ายได้เลย)
    • เมื่อมีโอกาสวันสำคัญ เป็นวันพฤหัสบดี วันครู ท่านอาจหาพานบายศรีปากชาม 9 ชั้น หรือ 12 ชั้น มาไหว้อีกครั้ง
  • ควรมีสัจจะในการบนขอจากท่าน เมื่อได้สิ่งที่ประสงค์แล้ว ท่านไม่ได้ต้องการสิ่งใดจากเรา แต่เป็นสัจจะที่เราพึ่งมี

คราบเบ้าความเก่าที่ยังอยู่ตามสภาพเดิมๆซึ่งหาองค์สวยสมบูรณ์อย่างนี้ได้ยากแล้ว เ้ส้นสายลายพริ้วจีวรคมชัด มีร่องรอยของพิมพ์ที่ขีดขั้นจีวรริ้วด้านซ้ายขององค์พระชัด ในปากของท่านเห็นฟันสองซี่อย่างบางๆ คราบความเก่าของโลหะที่ฝังแน่นกับองค์พระ บ่งบอกถึงความเก่าได้อายุอย่างงดงาม

ขนาดพอเหมาะที่จะนำขึ้นคอเป็นอย่างยิ่งสำหรับชายชาตรี

อีกมุมกับความเก่าที่งดงาม

เมื่อตั้งกับพื้นเรียบจะสังเกตุว่าหน้าของหลวงพ่อจะก้มและลำตัวพระจะเอียงข้างเล็กน้อยพองาม อันเกิดจากฐานพระที่หล่อจากเบ้าโบราณนั่นเอง

อีกด้านกับด้านข้าง

รูปร่างสันฐานได้สัดส่วนซึ่งเป็นฝีมือชั้นครูอย่างแน่นอน

ด้านล่างที่แสดงให้เห็นกระแสโลหะที่หล่อแบบโบราณ มีโลหะหลายอย่างผสมกันที่ไม่เข้ากันดีตามลักษณะเบ้าหลอมแบบโบราณคราบเขียวๆคือคราบสนิมเขียวที่เป็นสนิมของทองเหลืองและสีแดงเป็นสีของทองแดงโดยเนื้อหาสารโลหะนี่จะมีทองคำผสมอยู่เป็นจำนวนมากจนเปล่งประกายแวววาวของทองคำออกมา

โลหะแก่ทองคำ องค์พระจะหนักซึ่งแสดงถึงเนื้อมวลสารในองค์พระมีความหนาแน่นมาก ฝีมือการแกะพิมพ์เป็นฝีมือช่างชั้นครูมีลายจีวรพริ้วไหวเป็นธรรมชาติ

เปิดราคาไม่แพง ครับ ไม่ประจักษแจ้งพุทธคุณ ไม่ต้องการ ไม่ต้องเอาไปครับ สะสมพระมา 20-30 ปี หาชมพระแท้ๆพระพุทธคุณสูงไม่เจอเลยนะครับ

วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

พระปิดตาอันเป็นที่มาของพระมหาอุด



       พระมหาอุดนั้นเป็นสิ่งที่เป็นภูมิปัญญาของโบราณจารย์ที่ต้องการสร้างสรรค์พระเครื่อง หรือพระพิมพ์เพื่อเป็นมงคลให้แก่ลูกศิษย์ลูกหา หรือเคารพนับถือไปบูชาเพื่อเกิดผลทางอิทธิคุณในการป้องกันเนื้อหนังให้พ้นจากเภทภัยที่เกิดจากปืนไฟ ซึ่งมีมาแต่โบราณในการสู้รบตบมือกับข้าศึกผู้ร้ายโจรภัยต่างๆ คาถากำกับบูชา
1.โดยทั่วไปก็อาราธนาหมือนพระเครื่องแบบอื่นๆคือ บทพุทธังอาราธนาณังฯ แล้วตามด้วยบทอิทธิฤทธิ์(มีในบทความบทก่อนๆครับ)
2.เนื่องด้วยเป็นพระมหาอุดจึงควรเพิ่มบท นี้ด้วยคือ  "นะกรึงนะ"  3 จบพร้องทั้งกลั้นลมหายใจในการภาวนาด้วย
การที่เอาพระควัมปวดี เป็นองค์แทนในพระมหาอุดก็เพราะว่าเพื่ออุดเงินอุดทองไม่ให้รั่วไหลไปไหน จึงนำบทคาถาภาวนาการผนึกตู้เก็บเงินมาใช้เพื่อผลทางโภคทรัพย์ ส่วนมหาอุดหยุดลูกปืนนั้นโบราณใช้อมเข้าไปในปากเพื่อเป็นเคล็ดวิธีการ คือปิดทวารไม่ให้อ้าปาก เพื่อผลทางพุทธาคมที่แสดงไว้ในองค์พระเช่นเดียวกัน
3.เวลานำพระอมไปในปากให้กั้นลมหายใจประหนึ่งว่าอุดลมปากกระบอกปืนนั้น ภาวนาว่า "อุดธังอัดโธ นะ โม พุท ธา ยะ"   แล้วเข้ารณรงค์สงครามต่อไปจะทำให้หยุดลูกปืนคงเนื้อคงหนังได่อย่างอัศจรรย์ แต่ในปัจจุบันนี้คงจะเอาอมเข้าปากนั้นก็คงยากแล้ว

วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

การบูชาพระเนื้อว่าน

พระร่วงนั่งเนื้อว่าน กรุเมืองจันทร์ จ.ศรีสะเกษ
       การบูชาพระว่านนั้นน้อยคนนักที่จะศึกษาวิธีการบูชา เนื้อด้วยอาจจะเป็นเพราะไม่มีคาถากำกับหรือวิธีบูชามาให้เราไ้ด้ศึกษา เมื่อเราได้พระเครื่องมาแล้ว ก็ดีใจและน่าภูมิใจว่าได้ของแท้ผ่านพิธีการปลุกเสกแล้ว และจะให้ดียิ่งขึ้นไปต้องรู้วืธีบูชาพระเนื้อว่านด้วย เพราะอะไรนั้นเรามาดูกันครับ
       เนื่องด้วยพระเนื้อว่านมีการส่วนผสมของว่านนานาชนิด ซึ่งเป็นว่านอิทธิฤทธิ์เป็นส่วนใหญ่ และว่านอิทธิฤทธิืและเนื้อว่านนี้เองที่ทำให้พระพุทธคุณของพระว่านนั้นมีลักษณะที่โดดเด่นมากกว่าพระทั่วไปที่ไม่มี แต่เราจะดึงเอาพลังของว่านนั้นมาใช้ได้อย่างไร งั้นมาศึกษากันเลยครับ ปกติว่านต่างๆนั้นมีอง๕ืญาณ ที่รักษาว่านนั้นๆ อยู่ หรือเทวดารักษาคุ้มครองเพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดแก่ว่านนั้นๆ เพราะว่านอิทธิฤทธิ์ในตัวนั้นเป็นสมบัติของโลก การที่จะเอาว่านมาทำเป็นพระได้ โบราณจารย์ก็มีเคล็ดวิธีการ เช่น ต้องไปเอาในวันอังคาร จึงจะเป็นว่านที่แสดงอิทธิฤทธิ์(เช่น ว่านทางคงกระพัน ว่านทางกันผีคุณไสยฯ) ถ้าจะเอาว่านให้มีฤทธิ์ทางยารักษาโรค ให้เอาวันพุธ การเอาก็ต้องไปจุดธูปบอกกล่าว(ปกติใช้ ธูป 9 ดอก) และบอกเองเออเอง และต้องไม่เข้าไปทำให้เงาของเราทับทาบต้นว่านนั้นด้วย
       ส่วนคาถา ที่จะบูชาพระว่านนั้นก็เหมือนทั่วๆไป คือ  ใช้ดอกไม้ 2 คู่ เทียน 2 คู่ ธุป 9 ดอก(เพิ่มจากดอกไม้ ขัน 5 นะครับ)
1.คาถาอาราธนา คือ "พุทธัง อาราธนาณัง ธัมมังอาราธนาณัง สังฆังอาราธนาณัง พุทธังประสิทธิเม ธัมมังประสิทธิเม สังฆังประสิทธิเม
2.ต่อด้วยคาถาอิทธิฤทธิ์ คือ " อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดช เดชะ เดชัง จงมาเป็นที่พึ่งแก่ มะอะอุ นี้ด้วยเทอญ"
3.จุดธูป 9 ดอก แล้วบอกว่า" ขออำนาจจากเทพยาดาที่ปกปักษ์รักษาคุ้มครองว่านที่อยู่ในองค์พระนี้จงโปรดเมตตาช่วยให้ข้าพเจ้าสำเร็จในผลด้าน........................ตามความปรารถนาด้วยเทอญ( จุดไข่ปลาให้กล่าวเพิ่มตามต้องการเช่นแคล้วคลาดปลอดภัย เป็นต้น)
        ครับสุดท้ายก็ขอให้ทุกท่านได้ครอบครองพระว่านไว้เป็นสมบัติติดตัวเพื่อป้องกันภัยกันนะครับ อันเป็นของดีตามธรรมชาติและบวกด้วยพลังพระพุทธคุณด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ติดกำลังสองเลยล่ะ โชคดีครับ

วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

การเสริมพลังจิตของตนเองด้วยพระเครื่อง

     
 การนำพระเครื่องไปใช้ในด้านการเสริมพลังจิตในคราวที่ตัวเองอ่อนล้าเพลียจิตใจ ทำได้จริงเหรอ ซึ่งเป็นคำถามที่ออกมาจากการที่ผู้อ่านได้เห็นบทความนี้ ถ้ายังไงเสียท่านทั้งหลายโปรดติดตามอ่านจนจบจะได้รู้ว่าวิธีการเช่นไรที่จะสามารถนำเอาพระเครื่องของเราที่มีอยู่นี้มาเสริมพลังจิตเราได้ ก่อนอื่นเราต้องทราบว่าพระเครืองของเรานั้นมีพลังพระพุทธคุณ และพลังสูงไม่ใช่ของเทียมและเลียนแบบตามท้องตลาดที่เอามาเร่หลอกขายนะ ถ้าอย่างไรแล้วควรจะเรียนรู้การตรวจสอบความเก่าเทียมตามบทความที่ผ่านๆมาด้วยครับ เพื่อเป็นหลักประกันให้เรา
       เมื่อเราได้พระเครื่องที่แน่ใจแล้ว หรือไม่แน่ใจก็ไม่เป็นไร วิธีการต่อไปนี้จะทำให้รู้ได้ด้วยว่ามีพลังจิตที่แฝงอยู่ในวัตถุมงคลหรือไม่

  1. ให้เราหาดอกไม้ 10 ดอก(มักใช้ดอกไม้ที่มีสีขาว) และเทียน 10 เล่ม เรียกว่า ขัน 5 หมายถึง เทียน 5 คู่ ดอกไม้ 5 คู่ เป็นตัวแทนตัวเราเหมือนในกรณีที่เราท่านไปเรียนพระกรรมฐาน ก็จะประกอบด้วยขัน 5 หรือ ไปขอขมาผู้ใหญ่ ก็ใช้ธูปเทียนแพ ซึ่งก็จะประกอบด้วยเทียน 5 คู่ ธูป 5 คู่ และข้าวตอกดอกไม้ 5 คู่ เช่นเดียวกัน
  2. นำมาใช้ไว้ในพาน แล้วเอาพระเครื่องวางลงบนพานดอกไม้เดียวกันนั้นเพื่อบูชา
  3. กล่าวคำขอขมาพระรัตนตรัยซึ่งเราอาจจะได้ล่วงเกินมาก่อนแล้วก็ได้อย่างไม่รู้ตัว โดยกล่าวว่า"กายกรรม 3 วจีกรรม 4 มโนกรรม 3 ที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกินแก่พระรัตนตรัย คุณครูอุปัชฌาย์อาจารย์ คุณบิดามารดาและผู้มีพระคุณทั้งหลาย ขอท่านเหล่านั้นโปรดจงยกโทษอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ"
  4. กล่าวคำอาราธนาคุณพระต่อด้วยคำว่า" พุทธัง อาราธนาณัง ธัมมัง อาราธนาณัง สังฆัง อาราธนาณัง พุทธังประสิทธิเม ธัมมังประสิทธิเม สังฆังประสิทธิเม 
  5. และกล่าวคำคาถาอิทธิฤทธิ์เพื่อเชิญคุ้มครอง "อิทธิ ฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชเดชะ เดชัง จงมาเป็นที่พึ่งแก่ มะอะอุ นี้ด้วยเทอญ"
  6. จากนั้นวางพานบนหิ้งพระหรือโต็ะหมู่บูชาพระรัตนตรัย  นั่งสมาธิทำจิตสงบได้เลยต่อจากนั้นก็จะได้สัมผัสพลังทันที เมื่อเรากำหนดสติที่ใจเราจะล่วงรู้ถึงความเย็นที่หลั่งไหลมากระทบใจและมีความอบอุ่นเกิดกำลังใจมากขึ้นอย่างประหลาด นั่นคือพลังพระพุทธคุณที่เราสามารถพึ่งได้จากพระเครื่องของเราครับ
วันนี้ไว้แต่เพียงเท่านี้ครับ จะได้เข้าที่สมาธิเพื่อรับพลังพระพุทธคุณ ไว้โอกาสหน้ามาพบกันใหม่ครับกับเรื่องราวเล่าสู่กันฟังสำหรับชาวพุทธที่ควรรู้ในภูมิปัญญาของโบราณจารย์กัน สวัสดี